วันอังคารที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2557


1.1 Creative Economy หมายถึง แนวคิดการขับเคลื่อนเศรษฐกิจบนพื้นฐานของการใช้องค์ความรู้ การศึกษา การสร้างสรรค์งาน และการใช้ทรัพย์สินทางปัญญา ที่เชื่อมโยงกับรากฐานทางวัฒนธรรม การสั่งสมความรู้ของสังคม และเทคโนโลยี/นวัตกรรมสมัยใหม่ ในปัจจุบันคำที่ใช้กันมากและอาจสร้างความสงสัยให้ผู้คนได้ไม่น้อยก็คือคำว่า Creative Economy หรือเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ซึ่งอาจสร้างการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญขึ้นในเศรษฐกิจไทยในอนาคตอันใกล้

1.2 Search Engine Marketing หมายถึง การทำการตลาดผ่านเครื่องมือค้นหาบนอินเทอร์เน็ต มีชื่อย่อว่า SEM

1.3 Fanpage หมายถึง Fan Page คือ Page ที่สร้างขึ้นมาเพื่อที่จะประชาสัมพันธ์สิ่งต่างๆ เช่น ข่าวสาร กิจกรรม ตลอดจนสินค้าและบริการต่างๆ ให้กับเพื่อนๆ หรือบุคคลอื่นๆ ที่กำลังมองหาหรือมีความสนใจในสิ่งที่ประชาสัมพันธ์ เราสามารถใช้ประโยชน์จาก Fan Page ได้ในหลายๆ ด้าน เช่น การประชาสัมพันธ์ข่าวสาร โฆษณาสินค้า

1.4 One Stop Service หมายถึง การนำงานที่ให้บริการทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง มารวมให้บริการอยู่ในสถานที่เดียวกัน


1.5 KM (Knowledge Management) หมายถึง การจัดการความรู้ เพื่อใช้ในการบรรลุเป้าหมายอย่างน้อย 3 ประการไปพร้อมๆ กัน ได้แก่ บรรลุเป้าหมายของงาน บรรลุเป้าหมายการพัฒนาคน และบรรลุเป้าหมายการพัฒนาองค์กรไปสู่การเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้  โดยการจัดการให้มีการค้นพบความรู้ ความชำนาญที่แฝงเร้นในตัวคน หาทางนำออกมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ตกแต่งให้ง่ายต่อการใช้สอยและมีประโยชน์เพิ่มขึ้น มีการต่อยอดให้งดงาม และใช้ได้เหมาะสมกับสภาพความเป็นจริงและกาละเทศะยิ่งขึ้น มีความรู้ใหม่หรือนวัตกรรมเกิดขึ้นจากการเอาความรู้ที่ไม่เหมือนกันมาเจอกัน  

1.6 Business Model หมายถึง แบบจำลองทางธุรกิจ ที่องค์กรคิดค้นขึ้นมาเพื่อประยุกต์ใช้ทรัพยากรขององค์กรอย่างเต็มที่ อันจะก่อให้เกิดผลกำไรสูงสุดและเพิ่มมูลค่าของสินค้าและบริการ

1.7 GDX (Government Data Exchange) หมายถึง โครงการที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อให้บริการประชาชนในลักษณะที่เรียกว่า การบริการแบบเบ็ดเสร็จ หมายถึง การให้บริการกับประชาชนโดยที่ประชาชนสามารถดำเนินงานต่างๆให้เสร็จสิ้น ณ ที่เดียว ด้วยการเชื่อมต่อระบบจัดการข้อมูลระหว่างหน่วยงานภาครัฐอย่างมีประสิทธิภาพ

1.8 Cloud Computing หมายถึง วิธีการประมวลผลที่อิงกับความต้องการของผู้ใช้ โดยผู้ใช้สามารถระบุความต้องการไปยังซอฟต์แวร์ของระบบCloud Computing จากนั้นซอฟต์แวร์จะร้องขอให้ระบบจัดสรรทรัพยากรและบริการให้ตรงกับความต้องการผู้ใช้ ทั้งนี้ระบบสามารถเพิ่มและลดจำนวนของทรัพยากร รวมถึงเสนอบริการให้พอเหมาะกับความต้องการของผู้ใช้ได้ตลอดเวลา โดยที่ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องทราบเลยว่าการทำงานหรือเหตุการณ์เบื้องหลังเป็นเช่นไร

1.9 Blog หมายถึง ไดอารี่ online ส่วนใหญมักจะเขียนโดยคนเพียงคนเดียว แต่ก็มีไม่น้อยที่เขียนเป็นกลุ่ม ในพื้นที่ส่วนตัวของตนเอง

1.10 Expert System หมายถึง ระบบผู้เชี่ยวชาญ เช่น โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่แสดงความสามารถได้เหมือนกับผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่าง

2.1 ตัวอย่างระบบปฏิบัติการพร้อมข้อดีและข้อเสีย
1.Microsoft Windows
 
ข้อดี คือ มีซอฟแวร์รองรับจำนวนมาก มีผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากให้คำปรึกษาได้เมื่อมีปัญหา มีผู้รับรับผิดชอบเมื่อเกิดปัญหาขึ้นกับซอฟแวร์
 
ข้อเสีย คือ มีโอกาสติดไวรัสข่อนข้างมาก ความเสถียรค่อนข้างน้อย และเสียค่าลิขสิทธิ์ในการใช้งาน
 
2.Linux
 
          ข้อดี คือ ใช้ได้ฟรีไม่เสียค่าลิขสิทธิ์ มีความเสถียรมาก และสามารถพัฒนาได้ตรงตามความต้องการของผู้ใช้ได้
         
          ข้อเสีย คือ ผู้ใช้ควรมีความรู้พื้นฐานด้ัานคอมพิวเตอร์ ไม่มีผู้รับผิดชอบเมื่อเกิดปัญหา มีผู้ให้คำปรึกษาน้อย เพราะมีผู้เชี่ยวชาญน้อย มีซอฟแวร์รองรับน้อย
        

        3.Macintosh 
        
          ข้อดีคือ คือ เป็นมิตรกับผู้ใช้งาน มีผู้รับผิดชอบสามารถให้การช่วยเหลือได้เมื่อเกิดปัญหา มีความเสถียรมาก โอกาสติดไวรัสค่อนข้างน้อยมาก

          ข้อเสีย คือ มีซอฟแวร์รองรับค่อนข้างน้อย เสียค่าลิขสิทธิ์ในการใช้งาน และใช้ได้เฉพาะเครื่องของบริษัท Apple เท่านั้น

2.2 ตัวอย่างโปรแกรมด้านฐานข้อมูล
        1.Microsoft Office Access จุดเด่นคือ ได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า เร็วกว่า เริ่มต้นอย่างรวดเร็วโดยใช้โซลูชันที่สร้างไว้ล่วงหน้า สร้างรายงานหลายรายงานที่มีมุมมองต่างๆ กันสำหรับข้อมูลเดียวกัน .สร้างตารางอย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องกังวลกับความซับซ้อนของฐานข้อมูล ใช้ประโยชน์จากชนิดเขตข้อมูลใหม่ๆ สำหรับสถานการณ์ที่หลากหลายยิ่งขึ้น

        2.MySQL จุดเด่นคือ ใช้งานได้ฟรี เก็บข้อมูลได้มากกว่า DBF มีความปลอดภัยสูง ใช้กับโปรแกรมอื่นได้ดี รวมทั้งกับ internet ด้วย คำสั่งดำเนินการง่ายมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งหนังสือภาษาไทยเริ่มมีมากขึ้น 

        3.Oracle จุดเด่นคือ ใช้ทำงานทางด้านบัญชี และระบบผลิตได้ดีเยี่ยม

2.3 ตัวอย่างโปรแกรมประเภท Office
        1. Microsoft Office มี 13 โปรแกรมได้แก่
1. Microsoft Word
โปรแกรมที่ใช้ในการพิมพ์เอกสาร เช่น บันทึก รายงาน หรือจดหมาย
2. Microsoft Excel
โปรแกรมตารางงานที่สามารถใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล สร้างกราฟ หรือใช้สมการคณิตศาสตร์
3. Microsoft PowerPoint
โปรแกรมสร้างงานนำเสนอในรูปกราฟฟิก หรือนำเสนอสื่อมัลติมีเดีย
4. Microsoft Access
โปรแกรมสำหรับจัดเก็บข้อมูล จัดการข้อมูล ที่รองรับทั้งข้อมูลและโปรแกรมในแฟ้มเดียว
5. Microsoft Infopath
โปรแกรมสร้างแบบฟอร์มสำหรับรับข้อมูลได้ง่าย
6. Microsoft OneNote
โปรแกรมบริหารจัดการข้อความ รูปภาพ รวมถึงบันทึกย่อแบบวิดีโอและเสียง ที่สามารถแบ่งปันให้เพื่อนเข้ามาแก้ไขได้พร้อมกัน ณ จุดเดียว
7. Microsoft Outlook
โปรแกรมปฏิทิน จัดการงาน หรืออีเมลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
8. Microsoft Sharepoint
โปรแกรมสำหรับการทำงานร่วมกันทางธุรกิจสำหรับองค์กรและอินเทอร์เน็ต
9. Microsoft Internet Explorer
โปรแกรมเปิดอ่านข้อมูลจากเว็บเพจ หรือเว็บไซต์ในอินเทอร์เน็ต 
10. Microsoft Paint
โปรแกรมวาดภาพ หรือจัดการภาพอย่างง่าย ได้ภาพสกุล .jpg .gif หรือ .bmp
11. Microsoft Publisher
โปรแกรมสร้างสื่อได้หลากหลายทั้งจดหมายข่าว โบวชัวร์ คู่มือ หรือเว็บไซต์
12. Microsoft Frontpage
โปรแกรมสำหรับสร้างเว็บเพจได้ระดับมืออาชีพ
13. Microsoft Windows Movie Maker (MSWMM) (คู่มือ
โปรแกรมสำหรับตัดต่อวิดีโอเบื้องต้น สามารถใส่ title, credit, effect , transition, sound และ picture แล้วแปลงเป็นวิดีโอได้หลายรูปแบบ อาทิ .wmv .avi (รุ่น 2.0 สำหรับ XP และ 2.6 สำหรับ Vista) ซึ่ง Movie Maker ไม่มีมากับ Windows 7 ต้องติดตั้ง Windows Live Movie Maker เพิ่ม และ Movie Maker เป็นส่วนหนึ่งของ Windows Live Essentials

        2. Google documents ไว้ใช้จัดการเอกสาร Online 

2.4 ตัวอย่างโปรแกรมที่นักศึกษาชอบใช้

        1.VLC Media Player ใช้ในการดูหนังฟังเพลง
        2.Microsoft Excel ใช้คำนวณหาค่าต่าง ๆ 
        3.Microsoft Word ใช้ในการจัดหน้าเอกสารต่าง ๆ 
        4.ฺBaidu PC Faster ใช้ในการดูแลระบบปฏิบัติการ
        5.ฺBaidu Spark ใช้เป็นเว็บบราวเซอร์หลัก


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น